วันจันทร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

เหนื่อยก็พัก หนักก็วาง

เหนื่อยก็พัก หนักก็วาง
กอดตัวเองหลบซ่อนตอนหงอยเหง
เมฆตั้งเคล้าครึมฝนปนแอบแฝง
ปล่อยเวลาพาตนดิ้นรนแรง
มนตราแห่งระทมถมทับมา

เพียงหลงภาพตามติดจิตหลอกหลอน
ใจโอนอ่อนคล้อยเข้าเงาเสน่ห
หมดสิ้นหวังพลังรักแห่งมนตร
เล่ห์มายาพาให้ใจมลาย

ยามหงอยเหงาเฝ้ามองท้องฟ้ากว้าง
ดูเวิ้งว้างว่างเปล่าเศร้าเหลือหลาย
แสนหดหู่อยู่เดียวเปลี่ยวใจกาย
ช่างเหนื่อยหน่ายคล้ายจนหนทางเดิน

วอนสายลมข่มใจให้หายเศร้า
ทุกค่ำเช้าช่างเหงาเขาห่างเหิน
เฝ้ากอดตัวกลัวคนจนหมางเมิน
คงเผชิญโชคร้ายตลอดกาล

วอนสายน้ำฉ่ำเย็นเข่นคลายเศร้า
ชโลมเอาความทุกข์สุขประสาน
ขอลมฝนบนฟ้ามาบันดาล
เปลี่ยนช่วงกาลผ่านพ้นหม่นเลยไป

คงถึงคราวหนาวทั่วขั้วหัวใจ
ถูกกลิ่นไอนัยรักผลักเสือกไ
หมดเรี่ยวแรงแห่งชีวิตคิดก้าวไกล
คงร่ำไห้ตลอดกาลนานเท่านาน










คน กรุงเทพต่างภูมิใจ ที่ได้ผู้ว่า เอ๋อแดกอย่างชายเอ๋อ
ทำงานไม่เป็น เลือกเพราะเป็นคนของพรรคแมลงสาป
การแก้ปัญหา มีแต่สร้างภาพ โดยไม่นึกถึงภาพรวม เห็นแก่ตัว

นโยบายหลายอย่าง เหมือนหุ่นไล่กา
กลวง ลวงหลอก








 ราหู राहू
ปชป นักฉวยโอกาสบนความทุกข์ยากของประชาชน
นักฉกฉวย ที่ไม่ประสบความสำเร็จ จากการฉกฉวยนั้น เพราะประชาชนเห็นใจคนทำงานมากกว่าพวกที่ใช้ลมปากบริหารงาน

พยายามจะใช้วิกฤติที่เกิดขึ้น บ่อนทำลายรัฐบาลทุกรูปแบบ
เป็นความชั่วร้าย ชั่วช้าแบบซึมลึกของพรรคการเมืองนี้
Su SorWor 
คนทำงานจริงๆ ไม่มีใครว่า.....ส่วนใหญ่ผู้ที่มีหน้าที่ รับผิดชอบโดยตรงชอบ "สร้างภาพ" ว่าทำงาน ..."ผลงาน" เป็นที่ประจักษ์แจ้งแก่สายตาว่า 

"ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน" นั่นแล...... ปชช. ลอยคอจน "น้ำจะท่วมปาก" อยู่แล้ว..คนที่ทำงานไม่เป็น ก็ยังสะเปะสะปะต่อไป มัวแต่เดินบนผิวน้ำ ไม่ก็ลอยตัวอยู่บนอากาศ ไม่คิดเดินย่ำน้ำแล้วก้มลงมองเงาตัวเองที่อยู่ในน้ำ เพื่อจะได้เห็น "ความจริง" ที่เกิด และเป็นอยู่ว่าตัวเองได้ "สร้างสุข สลายทุกข์" ถึงขนาดไหน ???

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น